ค่ำนี้เรามีนัดที่ห้องอัดแถวพระราม 9 ศิลปินมักเริ่มงานดึก
ผมรอเวลาจนคิดว่าทุกคนมาพร้อมแล้ว ค่อยเดินลงไป ค่ำนั้น ทีมนักดนตรี วง Sound of Siam และรวมกันเฉพาะกิจ กับทีมฝั่งดำเนินงานอีกนิดหน่อย เรานัดรวมพลเพื่อสรุบการเรียงเรียงดนตรี เพื่อส่งต่อให้กับทีมเครื่องสาย เพราะว่าในการบรรเลงดนตรีในคอนเสิร์ตแด่ทุกช่วงเวลาที่สวยงาม เราใช้วงทั้งแบบสตริงและมีเครื่องดนตรีไทยประกอบ รวมทั้งใช้วงออร์เคสตร้าวงใหญ่อย่างวง Thailand Philharmonic Pop Orchestra
ในห้องซ้อมวันนั้น นอกจากทีมดนตรีมาครบแล้ว ยังมีทีมกำกับเวที ผมตื่นเต้นกับการเรียบเรียงเพลง Amazing Grace ในแบบค่อยๆ โหมกระหน่ำและหลากหลายท่วงทำนองสำหรับนักร้อง 5 Generation ผมตื่นเต้นกับบทเพลง “ในสันติ” หรือ ก้าวไปหาพระองค์ ที่เราคุ้นเคย บัดนี้กับเรียบเรียงในแบบถ้าใช้ร้องในวัดจริงคงได้ขยับแข้งขยับขากัน ผมยังเพลินไปกับเพลง”สุขใจเมื่อใกล้พระองค์” และ “มั่นใจในพระองค์” สองเพลงนี้ท่วงทำนองส่งให้เรียบเรียงในแบบไทย ๆ อยู่แล้ว นี่คือเรื่องราวที่อยู่ในองก์ 1 ของคอนเสิร์ต อยากให้มาฟังกัน อยากให้มาซึมซับ สิ่งที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก มีทีมงานบางคนบอกว่า ถ้าเพลงในวัดเป็นแบบนี้คงดี ผมเข้าใจว่าเพลงในวัดกับเพลงร้องเพื่อส่งเสริมความเชื่อมันคงมีวิถี และวิธีในแบบของมัน บทเพลงเดียวกันอาจรับใช้ชีวิตเราต่างไป
ผมดีใจนะครับ ที่บทเพลงที่เราอาจจะร้องตั้งแต่เด็ก หรือมีส่วนในช่วงเวลาแตกต่างกันไป เมื่อบทเพลงเหล่านี้ถูกบรรเลง และขับร้องอีกครั้ง เราที่มีความเชื่อคริสตชนในชีวิตอยู่แล้ว จะต้องหวลระลึกถึงบางมุม บางเหตุการณ์ บางเรื่องราว ของชีวิตที่เราเคยสัมผัส เมื่อฟังแล้วอาจจะลองถามตัวเองว่า ช่วงเวลากับบทเพลงเหล่านี้ใช่ไหม ที่มีส่วนสร้างให้ชีวิตเราสวยงาม
บาทหลวงอนุชา ไชยเดช